เที่ยวสิงห์บุรี 1 วัน ไหว้พระ เสริมสิริมงคล
วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร
หลายคนอยู่รู้จักจังหวัดนี้ในฐานะเป็นถิ่นวีรชนคนกล้า โด่งดังจากเรื่องราวของชาวบ้านหมู่บ้านบางระจันที่เสียสละเลือดเนื้อต่อสู้ต้านทัพพม่าอย่างหาญกล้าเพื่อปกป้องบ้านเมืองของเราไว้ สิงห์บุรีมีแม่น้ำสำคัญไหลผ่าน 3 สาย คือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และแม่น้ำลพบุรี ทำให้ในสิงห์บุรีที่มี “ปลาช่อนเป็นปลาประจำจังหวัด” อีกทั้งยังเป็นถิ่นที่มีปลาหลายชนิด ก็ทำให้หนีไม่พ้นที่จะมีอาหารอันลือชื่อที่เป็นปลาโดยเฉพาะ ปลาช่อนเผา และ เค้กปลาช่อน กุนเชียงปลา หลายๆคนยังไม่ทราบว่าสิงห์บุรีเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีที่มายาวนานมีวัดวาอาราม ศิลปะเก่าแก่โบราณตั้งแต่ยุคก่อนเพื่อให้มาสักการะบูชาขอพรเสริมดวงเพื่อสร้างความสิริมงคล

วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร
ออกจากกรุงเทพแต่เช้าตรู่ประมาณ 7 โมงครึ่ง มาถึงสิงห์บุรีประมาณ 9 โมงกว่าๆ แวะเที่ยวหาอาหารรับประทานตลาดริมน้ำวัดพระนอน รองท้องก่อน ที่จะเริ่มเที่ยวสถานที่แรก นั้นก็คือวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหารที่อยู่ใกล้เคียงกับวัดริมน้ำเพียงอึดใจเดียว จากนั้นมุ่งตรงไป วัดพระนอนจักรสีห์ วัดดังขึ้นชื่อแห่งเมือง สิงห์บุรี ที่มีพระนอน หรือพระพุทธรูปไสยาสน์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศที่มีอายุยาวนานหลายปีจนไม่ทราบประวัติความเป็นมาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล่าในทำนองนิยายปรัมปรา ก่อนเข้าไปไหว้องค์จริงในวิหารทางวัดให้จุดธูป ปิดทอง และนำดอกไม้ มาถวายแด่พระนอนองค์จำลองที่ตั้งอยู่ด้านหน้า
เมื่อเข้ามาในวิหารก็จะเจอพระนอนองค์จริงที่มีพุทธลักษณะแบบสุโขทัยซึ่งประดิษฐ์ฐานอยู่ในวิหารยาวนานเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยามีความงดงาม มีมนต์ขลังของความศักดิ์สิทธิ์และน่าเลื่อมใส ขณะอยู่ภายในวิหารรู้สึกถึงความเงียบสงบ ทำให้เกิดพลังสมาธิและอิ่มอกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก
ภายในบริเวณวัดยังมีสิ่งศักดิ์สิทธ์ให้ได้กราบไหว้และขอพรมากมาย ทั้งรูปปั้นหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ พระโพธิสัตว์กวนอิม ด้านหน้าวัดมีต้นสาละหลายต้น ซึ่งชาวสิงห์บุรีเชื่อกันว่า เมื่อไปนมัสการวัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร แล้วอธิษฐานปรบมือใต้ต้นสาละลังกาใหญ่ ที่ปลูกไว้กว่า 100 ต้นในบริเวณวัด หากดอกสาละร่วงลงมา คำอธิษฐานนั้นจะประสบผลดังที่หวัง
วัดสว่างอารมณ์
วัดสว่างอารมณ์หรืออีกชื่อหนึ่ง “วัดบางมอญ” แห่งนี้ จุดเด่น คือ เป็นที่รวบรวมหนังใหญ่ที่นำมาแสดงมหรสพต่างๆ เช่น รามเกียรติ์ ที่หลายๆคนรู้จักและหนังใหญ่ในมหรสพอื่นๆอีกมากมายที่มีความงามของตัวหนังประมาณ 270 ตัว ตัวหนังใหญ่ส่วนหนึ่ง ได้มาจากครูเปียเจ้าของหนังใหญ่ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่นำมาถวายหลวงพ่อเรือง และฝึกหัดการเชิด การพากย์ให้แก่ชาวบ้านบางมอญด้วย

วัดสว่างอารมณ์
วัดพิกุลทอง
อีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงของสิงห์บุรีนั้นก็คือ วัดพิกุลทอง ชาวบ้านในพื้นที่มักเรียกว่า วัดหลวงพ่อแพ (พระเทพสิงหบุราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี) เพราะหลวงพ่อแพเป็นพระอดีตเจ้าอาวาส ที่ชาวบ้านและลูกศิษย์เคารพรักมาก เพราะหลวงพ่อแพได้ทำประโยชน์แก่พุทธศาสนาไว้มากมาย และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้วัดพิกุลทองมีความสวยงามวิจิตรศิลป์และ ที่วัดนี้มีพระพุทธรูปปางประทานพร องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ พระพุทธสุวรรณมงคลมหามุนี อีกทั้งยังมีพระพุทธรูปปางประจำวันต่างๆ และพระสังกัจจายองค์ใหญ่เพื่อขอพรให้เสริมโชคลาภ
บริเวณวัดยังมีสวนธรรมะ และสิ่งก่อสร้างที่สวยงามน่าดึงดูด มีต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีสบายตา แวดล้อมด้วยบรรยากาศสงบร่มรื่น เย็นสบาย สะอาด วัดได้รับการดูแลรักษาอย่างดี สภาพสมบูรณ์น่าเที่ยว และมีบ่อน้ำที่มีปลาชุกชุมให้อาหารได้

วัดพิกุลทอง
วัดโพธิ์เก้าต้น
วัดอีกวัดที่อยู่ในอำเภอใกล้ๆ ก็คือวัดโพธิ์เก้าต้น หรือวัดไม้แดงที่ชาวบ้านในพื้นที่เรียกกัน ตรงข้ามกับ อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน สิ่งน่าสนใจ คือ สัญลักษณ์กำแพงวัดที่สร้างจำลองกำแพงค่ายบางระจัน เพราะที่ตั้งเดิมเคยเป็นหมู่บ้านบางระจัน ที่วีรชนกล้าหาญได้ใช้เป็นที่ต้านกำลังข้าศึกของพม่าที่ยกมาตีกรุงศรีอยุธยา
มีวิหารพระอาจารย์ธรรมโชติรังสีประดิษฐานอยู่ พระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นที่เคารพสักการะของชาวสิงห์บุรีมาตั้งแต่ช้านาน เนื่องจากท่านเป็นมิ่งขวัญและพลังใจแก่เหล่าวีระชนชาวบ้านบางระจันที่สละเลือดเนื้อ ในยามศึกที่พม่าเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาทำให้วีระชนเข้าต่อสู้ป้องกันข้าศึกอย่างกล้าหาญและได้รับชัยชนะ บริเวณกุฏิพระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นสถานที่ ที่ประชาชนเข้ามากราบไหว้บูชา ขอพรบนบานศาลกล่าว และมีความศักดิ์สิทธิ์ น่าเลื่อมใส
โดยมีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งผู้คนมักเดินทางมาขอพรหรือบนขอสิ่งที่ต้องการ เมื่อได้ตามที่ได้ ขอพรไว้ ก็จะ มาแก้บนด้วยการ หาบน้ำตามจำนวนหาบที่บนไว้ เพื่อแก้บน เมื่อขอพรได้สมดังที่อธิษฐานไว้

วัดโพธิ์เก้าต้น